ฝุ่นกับเราคนไทย (ตอนที่#3) บทวิเคราะห์ควันไฟในป่า
โดย วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
สมาชิกวุฒิสภา
สำหรับเมืองไทยแล้ว ที่เรียกว่าไฟในป่า เพราะมันไม่ใช่ "ไฟป่า" แต่มาจากมือคนจุด..เผาป่าวอดต่างหาก จุดติดง่าย..ลามโหมเร็วเพราะภาวะแล้ง ไม้คลุมดินแห้งและใบไม้ร่วงลงมาทับถมหลายๆชั้น พืชเรือนยอดก็แห้งเหี่ยว พอไฟลามถึง เปลวก็โชนขึ้นที่สูงได้ง่าย ถ้าลูกไฟหล่นลงที่ลาดชัน ก็จะกลิ้งตามพื้นหญ้าแห้งไปหยุดที่หลุมสะสมของใบไม้แห้ง ลุกพรึ่บได้รวดเร็วดับยาก เดายาก ทำให้การเข้าดับไฟป่า..มีอันตรายมาก จึงขอแสดงความคาราวะต่อผู้เป็นเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครดับไฟป่าทุกท่านในการทำภารกิจเพื่อสังคมอย่างทุ่มเท ยิ่งการดับไฟเร่งทำทั้งกลางคืนกลางวัน ทัศนวิสัยแย่ ทั้งร้อนทั้งควันบดบัง..น้ำดื่มยังแทบจะไม่มี..เพราะการขึ้นเขาเข้าป่า..ย่อมพกสัมภาระไปได้น้อยชิ้นมาก ไฟในป่ามาจากไฟในใจคนครับ
1.เผาจากความโลภ..
เป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดของการเผา..มุ่งจะทำลายให้ป่าเสื่อมสภาพแล้วจะได้รุกเข้าไปทำไร่ทำสวน พวกนี้นายทุนเป็นคนจ้างจุด..
บางกรณีมีผู้อธิบายว่า เจ้าของไร่กลัวดาวเทียมทางการจะบันทึกได้ว่าจุดความร้อนเริ่มมาจากเขตเพาะปลูกของตัวเลยใช้ลูกจ้างบุกไปปล่อยไฟในป่าต้นลมเพื่อให้ลามมาให้ถึงเขตเพาะปลูกเตรียมแปลงที่ตัวอยากให้มีไฟเคลียร์ให้
เรื่องแบบนี้ถ้าทำบ่อยเข้า..
ชุมชนมักจะล่วงรู้
ดังนั้นถ้าสามารถกำกับผลผลิตพืชไร่ที่เคลื่อนออกมาจากอำเภอที่มีไฟในป่าว่าต้องแสดงข้อมูลรับรองจากประชาคมในชุมชนว่านี่ไม่ใช่ผลผลิตที่มาจากแปลงที่เคยเผาปล่อยไฟ....มิเช่นนั้นจะถูกบันทึกเข้าประวัติ
แบบนี้ความสัมพันธ์ระหว่างนายทุนการเกษตรกับชุมชนรอบข้างจะเอื้อจะฟังกันมากขึ้น
สัตว์ป่าทั้งที่ยังเป็นๆและที่มาแล่ขายป้อนตลาดคนชอบของแปลกนั้นก็ควรถูกรณรงค์ให้งดในการพาณิชย์เสียเด็ดขาด
เห็ดปลูกที่อร่อยพอกับเห็ดป่ามีให้เลือกอีกพอควร
2.เผาจากความโกรธ...
ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งกันระหว่างผู้เสียประโยชน์ในเขตป่าสงวนและป่าอนุรักษ์ vs เจ้าหน้าที่ดูแลป่าไม้ที่มีจำนวนน้อยกว่าขนาดพื้นที่และขนาดปัญหาอย่างหนักนั้น
บ่อยครั้งที่ผู้เสียประโยชน์ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ สู้เอกสารอำนาจรัฐไม่ได้
จึงเดินลึกเข้าป่าไปจุดไฟให้สมแค้น..
จุดความร้อนบนภาพถ่ายดาวเทียมคงพอบอกได้ ว่าจุดที่ไฟเริ่มไหม้ในป่านั้นอยู่ห่างเส้นทางคมนาคมไปลึกกว่าปกติ..หลายๆจุดความร้อนที่ตรวจได้อยู่ในที่สูงชันไม่มีถนนเข้าถึง..เป็นป่าดิบที่ปกติไม่มีไฟป่าตามธรรมชาติเกิดเองได้ง่ายๆ
แบบนี้แก้ไขยาก..ไฟในป่าลึก ดังนั้นกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ กระบวนการยุติธรรมทางเลือก ที่ชุมชนและสังคมมีน้ำหนักในการช่วยระงับความขัดแย้งได้เพิ่มขึ้นจึงเป็นทางเลือกที่อาจช่วยดับไฟ ลดเพลิงในใจคนได้
ข้อนี้ซับซ้อน..แต่ดูจะเป็นหนึ่งในเหตุที่เกิดไฟในป่าปีที่แล้วไม่น้อย
3.ไฟจากความหลง...
จะด้วยคึกคะนอง..จะด้วยประมาทเช่นเผาตอซัง..เผาขยะ..เผาใบไม้แห้งแล้วดับไม่ไหวหรือดับไม่สนิทจึงลามเข้าป่า....
4.ไฟจากความชิน..
เรื่องนี้อาจมีบางเผ่าบางกลุ่มที่เค้าทำไร่หมุนเวียน ซึ่งเป็นคนละอย่างกับทำไร่เลื่อนลอย และก็นำมาซึ่งความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจอยู่บ้าง
การสร้างแนวกันไฟนั้นดีแน่และต้องพยายามชวนกันไปทำเพิ่ม
สร้างแนวกันไฟที่ไหนก็พึงชักชวนชาวบ้าน..ให้เข้าไปช่วยขนเศษวัสดุเชื้อไฟออกมาบดผสมกับดินนอกป่าไปใช้เป็นดินปลูกที่อุดมสมบูรณ์ต่อได้ด้วย
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้อาจต้องมีแก้ระเบียบกฏหมาย..ไม่งั้นตอนเอาเชื้อไฟอย่างใบไม้แห้งเหล่านั้นออกจากป่าจะกลายเป็นคดีในตัวของมันเองเสียอีก
ป่าธรรมชาตินั้น..ถ้าเชื้อไฟท่วมหนาการดับก็จะยิ่งยาก
บางพื้นที่ที่ควรเผาเล็กทำลายเชื้อไฟล่วงหน้าแบบร่วมมือระหว่างรัฐ+ชุมชนก็ควรทำไป
ดังนั้นหากจะห้ามจุดไฟเด็ดขาดที่จริงก็มีข้อด้อยอีกด้านของมัน
แต่จะมีแนวกันไฟเยอะแค่ไหน จะขนเชื้อไฟออกจากป่าได้ดีอย่างไรก็ไม่สำคัญเท่าการดับไฟในใจคน
การเร่งปฏิรูประเบียบกติกาเรื่องคนกับป่า และวางกติกาที่ช่วยให้ตลาดการบริโภค ไม่ต้อนรับสินค้าหรือผลผลิตที่ได้มาเนื่องจากการเผาอย่าง
สมน้ำสมเนื้อได้เมื่อใด
ไฟในใจของคน ก็คงจะดับลงไปได้เอง
-------------------------------------------------------------------------
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา
#weerasak.org