The Leader Insight วิกฤติน้ำท่วมใต้-หาดใหญ่ถึงเวลายกเครื่องรับมือภัยพิบัติแห่งชาติ
The Leader Insight ไอเดีย โครงการท่อส่งน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วมภาค
วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๓๐-๑๐.๓๐ น. รายการ The Leader Insight วิกฤติน้ำท่วมใต้-หาดใหญ่ถึงเวลายกเครื่องรับมือภัยพิบัติแห่งชาติ
โดย วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพ ดำเนินรายการโดย จิระ ห้องสำเริง
ฟังทางวิทยุ ร.ด.F.M.๙๖.๐ และ ออนไลน์ที่ www.zaabnews.com
Facebook @zaabnewsRadio
Youtube: www.youtube.com/@BizTrendTalk
ชมย้อนหลังที่ www.SmeMedia.Com
.
สถานการณ์มหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่และอีกกว่า 10 จังหวัด กำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ซึ่ง นายวีรศักดิ์ โค้วสุรัตน์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่าเป็นการรับมือภัยพิบัติที่ไม่ดีพอ และแตกต่างจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 เนื่องจากน้ำมีกระแสแรง ฝนตกต่อเนื่องเป็นวงกว้าง ไม่ใช่แค่ "เรนบอมบ์" และระดับน้ำลึกถึง 4 เมตร บางพื้นที่ ประชาชนเกือบ 400,000 คนในหาดใหญ่ต้องอพยพ
สาเหตุวิกฤตมาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ฝนตกหนักบนภูเขาทำให้เกิดน้ำหลาก ฝนที่ตกหนักในเมืองโดยตรง และคันกั้นคลองกลายเป็นอุปสรรคขวางการระบายน้ำ รวมถึงน้ำทะเลหนุนสูงทำให้การระบายน้ำจากทะเลสาบสงขลาเป็นไปอย่างช้าๆ
ในฐานะเลขาธิการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย นายวีรศักดิ์ได้นำอาหารพร้อมรับประทานแบบฮาลาลจำนวน 12,800 ชุด ส้วมกระดาษ 190 ชุด (ผลิตโดย SCG) และถุงมือยางจำนวนมากเข้าช่วยเหลือ โดยอาหารพร้อมทานจะช่วยให้ผู้ประสบภัยบนหลังคาหรือในบ้านมีอาหารประทังชีวิต ส้วมกระดาษแก้ปัญหาเรื่องสุขอนามัย และถุงมือยางช่วยให้ครัวสนามรักษาสุขอนามัยในการปรุงอาหาร
ปัญหาหลักที่พบคือ การขาดแคลนเรือและรถยกสูงในการช่วยอพยพผู้คนอย่างมาก เนื่องจากเรือส่วนใหญ่ยังคงถูกใช้ในภาคอื่น ๆ การขนส่งและโลจิสติกส์ยังไม่เป็นระบบ รวมถึงการขาดผู้บัญชาการเหตุการณ์ที่ชัดเจนและมีอำนาจสั่งการข้ามหน่วยงาน ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างสะเปะสะปะและล่าช้า ประชาชนต้องพึ่งพาอินฟลูเอนเซอร์และจิตอาสาในการปักหมุดขอความช่วยเหลือซึ่งมีมากถึง 40,000 จุด แต่ไม่มีกำลังคนและเรือเพียงพอที่จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือทั้งหมดได้
นายวีรศักดิ์เสนอแนะแนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเรียกร้องให้รัฐบาลจัดตั้งผู้บัญชาการเหตุการณ์สูงสุดจากฝ่ายทหาร เข้ามาดูแลสถานการณ์ในพื้นที่ พร้อมมีรัฐมนตรีลงพื้นที่เพื่อสั่งการประสานงานข้ามหน่วยงานได้อย่างเบ็ดเสร็จ ควรมีการจัดแบ่งพื้นที่เป็นโซนย่อยๆ ในแต่ละจังหวัด เช่น แบ่งหาดใหญ่เป็น 8 โซน และมอบหมายให้ผู้บริหารท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลแต่ละโซน พร้อมทั้งจัดสรรเรือ รถยกสูง และกำลังพลเข้าประจำในแต่ละโซนอย่างเป็นระบบ โดยใช้ QR Code ในการสื่อสารและลงทะเบียนอาสาสมัครเพื่อจัดสรรภารกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ควรกำหนดให้ร้านอาหารในพื้นที่รอบนอกที่น้ำไม่ท่วมเป็นโรงครัวพระราชทาน เพื่อผลิตอาหารและจัดการเสบียงให้เพียงพอและเป็นระบบ นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้ขับเรือและทีมกู้ภัย เพื่อให้การปฏิบัติงานมีเป้าหมายและปลอดภัย และป้องกันการโจรกรรมในพื้นที่ที่เคลียร์แล้ว
นายวีระศักดิ์กล่าวทิ้งท้ายว่า นี่คือ “ฝน 300 ปี” ซึ่งประเทศไทยไม่เคยเจอมาก่อนในเมืองที่มีความหนาแน่นสูงเช่นหาดใหญ่ ดังนั้นประสบการณ์เดิมอาจเป็นเพียงพื้นฐาน การจัดการภัยพิบัติครั้งนี้จึงต้องมีการ “ยกเครื่อง” ระบบการบริหารจัดการอย่างเรวดเร็วและเป็นระบบ โดยให้ส่วนกลางสนับสนุนและมอบอำนาจให้ผู้รู้ในพื้นที่จัดการแบบโซนอย่างแท้จริง เพื่อให้กำลังใจของประชาชนยังคงอยู่และสามารถผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้
