ปักหมุดแรก! สู่ Thailand PM2.5 Forum สรุป 12 ประเด็นสำคัญจากเวที Pre-Forum พ.ร.บ. อากาศสะอาด เครื่องมือสู้ฝุ่นไฟเกษตร

การรับมือกับปัญหา ‘ไฟในภาคเกษตร’ หนึ่งในต้นตอสำคัญของฝุ่น PM2.5 เป็นอีกวาระเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนเห็นพ้องกัน สภาลมหายใจกรุงเทพฯ จึงทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดเวทีสัมมนาเชิงปฏิบัติการ Pre-Forum ครั้งที่ 1 ‘พ.ร.บ. อากาศสะอาด เครื่องมือสู้ฝุ่น PM2.5 จากไฟในภาคเกษตร’ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 เพื่อระดมสมองและทำความเข้าใจข้อจำกัดของทุกหน่วยงาน ตั้งแต่ภาควิชาการ ภาคนโยบาย ไปจนถึงเสียงสะท้อนจากในพื้นที่
เวทีนี้คือการอุ่นเครื่อง และรวบรวมข้อมูลเตรียมความพร้อม เพื่อนำไปขยายผลต่อในเวที Thailand PM2.5 Forum ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 20-21 มกราคม 2569 และนี่คือ 12 ประเด็นสำคัญของปัญหาไฟในภาคเกษตร ที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง
1. ‘ตามรอยเผา’ ชี้ปัญหาหลักคืออ้อย: ระบบ ‘ตามรอยเผา’ ติดตามรอยคาร์บอนจากการเผาในพื้นที่เพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ (ข้าว อ้อย ข้าวโพด) มีความแม่นยำถึง 80% และเปิดให้ประชาชนใช้ได้แล้ว ข้อมูลจากระบบนี้ชี้ว่า ปัญหาการเผาส่วนใหญ่เกิดในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย โดยเฉพาะในภาคกลางอย่างนครสวรรค์ ลพบุรี เพชรบูรณ์ และทิศทางลมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฝุ่นควันแพร่กระจายข้ามพื้นที่ เช่น จากภาคกลางเข้ามารวมตัวในพื้นที่กรุงเทพฯ และพัดขึ้นไปยังภาคเหนือ โดยเฉพาะภาคเหนือฝั่งตะวันออก
2. ข้อมูลจริงกับข้อมูลรายงานไม่ตรงกัน: ข้อมูลจากระบบตามรอยเผาชี้ให้เห็นว่า จำนวนพื้นที่ที่เผาจริงจากดาวเทียม ไม่สอดคล้องกับจำนวนที่รายงานการผลิตในหลายจังหวัด เช่น ลพบุรี กาฬสินธุ์ นครสวรรค์ และนครราชสีมา ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการมีแอปพลิเคชันตรวจจับคาร์บอนในพื้นที่การเผา เพื่อที่นำมาเปรียบเทียบข้อมูล หาข้อสรุป และปรับปรุงเรื่องการเผาในพื้นที่ต่าง ๆ ต่อไป
3. แก้ด้วยการกระจายอำนาจ: ร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้วและกำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของวุฒิสภา มีมาตราที่เกี่ยวข้องกับไฟจากภาคเกษตร 10 มาตรา หนึ่งหัวใจสำคัญคือ การกระจายอำนาจลงไปที่แต่ละจังหวัด ให้คณะกรรมการอากาศสะอาดของจังหวัดเป็นผู้มีอำนาจหลักในการดำเนินการ
4. แก้ด้วย 2 เครื่องมือสำคัญ: ร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด ยังกำหนดให้จังหวัดต้องสร้าง 2 เครื่องมือสำคัญ คือ ‘ระบบ GIS’ เพื่อระบุตำแหน่งแปลง จุดเผาซ้ำซาก สาเหตุ และ ‘บัญชีระบายสารมลพิษ’ เพื่อให้รู้ว่ามลพิษ PM2.5 มาจากแหล่งใดบ้าง
.
5. แก้ด้วยข้อมูลที่โปร่งใสตรวจสอบได้: ร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด กำหนดให้มีการเปิดข้อมูลให้สาธารณะตรวจสอบเพื่อสร้างความโปร่งใส กระบวนการผลิต เก็บเกี่ยว แปรรูป ต้องถูกบันทึกและเปิดให้สาธารณะตรวจสอบได้ เพื่อให้ภาคประชาชนสามารถติดตามการแก้ไขมลพิษได้
.
6. ไม่ใช่แค่ห้าม แต่ต้องสนับสนุน: หัวใจของ พ.ร.บ. อากาศสะอาด ยังเน้นมาตรการสนับสนุน เช่น จัดหาเครื่องจักรลดการเผา การทำ Zoning การส่งเสริมตลาดปลอดการเผา และยังขยายขอบเขตการตรวจสอบไปถึงการแปรรูป รวมถึงดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมด้วย
.
7. ปัญหาที่ราก ขาดแคลนแรงงานและต้นทุน: เสียงสะท้อนจากพื้นที่ เช่น สำนักงานเกษตรจังหวัดนครสวรรค์ สะท้อนว่า การเผามาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง คือขาดแคลนแรงงาน เพราะงานตัดอ้อยสดนั้นหนักกว่าอ้อยเผา และมีเครื่องจักรไม่พอ ทำให้ต้องรอคิวนาน การเผาจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดต้นทุนและกำจัดโรคในพืช ส่วนทางออกในการแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ก็ยังไม่คุ้มค่า เพราะพื้นที่ห่างไกลจากปศุสัตว์
.
8. ปัญหาเชิงกายภาพ ยากต่อการใช้เครื่องมือ: จังหวัดลพบุรีมีพื้นที่ปลูกอ้อยที่มีจำนวนมาก ทำให้มีใบอ้อยเหลือทิ้งเยอะ และด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีทั้งที่ราบลุ่มและเชิงเขา บางพื้นที่มีหินปนอยู่ด้วย ทำให้การใช้เครื่องมือหรือเครื่องจักรเข้าไปจัดการทำได้ลำบาก จึงยังต้องใช้แรงงานคนในการเก็บเกี่ยวผลผลิต ใช้การเผาเพื่อลดความเสียหายจากอุบัติเหตุ
.
9. ปัญหาเฉพาะจุด ฟางข้าวน้ำลึกจัดการยาก: ในหลายพื้นที่ เช่น นครนายก ปราจีนบุรี ประสบปัญหาข้าวน้ำลึก (ข้าวที่ปลูกในทุ่งรับน้ำนอกเขตชลประทาน) ซึ่งฟางข้าวชนิดนี้จะเหนียวและยาวมาก ไม่เหมาะทำอาหารสัตว์ ทำให้จัดการยากและมีต้นทุนสูงมากหากไม่ใช้วิธีเผา และยังมีคำถามจากชาวบ้านในพื้นที่ เช่น PM2.5 ในนครนายก กระทบถึง กทม. จริงไหม การสร้างการรับรู้จึงควรควบคู่ไปกับคำสั่งห้ามเผาและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีอื่น ๆ
.
10. ตลาด ‘ชีวมวล’ ยังไม่จูงใจ เพราะราคาต่ำ: แม้จะมีแนวคิดแปรรูปเศษฟางข้าวเป็นพลังงานชีวมวล แต่ราคารับซื้อปัจจุบันที่ 600-800 บาท/ ตัน นั้นต่ำเกินไป ไม่เพียงพอที่จะจูงใจให้เกษตรกรหันมาเก็บรวบรวมและขนส่งไปขาย นอกจากมีคำแนะนำให้รัฐบาลหาตลาดชีวมวลที่มีราคาจูงใจยิ่งขึ้น ยังมีข้อเสนอให้เพิ่มงบส่วนกลางในการสนับสนุนเครื่องมือการทำนาปลอดการเผา เพื่อให้เกษตรกรได้ยืมเครื่องมือใช้
.
11. เป็นเรื่องยากหากจะให้โรงสีตรวจสอบก่อน: ตัวแทนโรงสีข้าวไทยชี้ว่า การสนับสนุนข้าวจากแปลงไม่เผานั้นทำได้ยากมาก เพราะข้าวถูกเก็บเกี่ยวก่อนเผา โรงสีจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าฟางข้าวที่เหลือในแปลงนั้นถูกจัดการอย่างไร จึงมีข้อเสนอว่า ให้มีระบบลงทะเบียนรับรองล่วงหน้าที่ประเมินและให้การรับรองแหล่งที่มาที่ไม่เผา
.
12 ทางออกใหม่ที่น่าสนใจ: สภาพอากาศและทิศทางของลม เป็นปัจจัยสำคัญในการสะสมและกระจายตัวของฝุ่น หากกรมอุตุนิยมวิทยาจะมีบทบาทในการช่วยบอกทิศทางลม เช่น แนะนำวันเผาให้เกษตรกรตามทิศทางลมที่มา ก็จะช่วยให้สถานการณ์ฝุ่นควันดีขึ้นได้ หรือการนำโมเดล ‘We Breathe What We Eat’ ของสิงคโปร์ ที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคตระหนักรู้และเลือกผลิตภัณฑ์จากกระบวนการผลิตที่ไร้ควันเผา เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ฟาร์มเข้าระบบรับรองมาใช้ ก็เป็นแนวทางที่น่าสนใจ
.
เหล่านี้คือ 'เสียงสะท้อน' และ 'การบ้าน' ชิ้นสำคัญจากเวที Pre-Forum ครั้งที่ 1 ปักหมุดรอติดตามเวทีใหญ่ Thailand PM2.5 Forum ที่จะเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2569 นี้ ติดตามความเคลื่อนไหวก่อนวันจริงได้ที่ www.facebook.com/breathebangkokorg
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาฝุ่นควันกับเรา
Website: www.breathebangkok.org
Facebook: www.facebook.com/breathebangkokorg
#สภาลมหายใจกรุงเทพฯ #CoCreatingCleanAirForAll #สสส
