ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org

เว็บไซต์วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org
มีความมุ่งมั่นเเละตั้งใจในการเผยแพร่เรื่องราวความรู้ความเข้าใจในการสร้างสรรค์สังคมด้วย การพัฒนาด้านเศรษฐกิจสังคมกฎหมายและการปกครอง เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนเพื่อลูกหลานรุ่นต่อ ๆ ไป
มองโลก มองความยั่งยืน
จบปริญญาโท กฎหมายสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด อดีตสมาชิกในบ้านพิษณุโลกมาตั้งแต่รัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ มีประสบการณ์พัฒนานโยบายสาธารณะมาต่อเนื่อง เป็นนักกฎหมายที่เชื่อมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืน
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
ผู้ที่มีความมุ่งมั่นเเละมีอุดมการณ์ในการสร้างสรรค์สังคมที่มีความเท่าเทียม การพัฒนาประเทศไทยให้มีความทันสมัย เจริญเติบโตควบคู่ไปกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อลูกหลานรุ่นต่อ ๆ ไป

 

สำรวจยกระดับท่าเทียบเรือท่องเที่ยวที่เขื่อนรัชชประภา อุทยานแห่งชาติเขาสก

วันที่ 6 ตุลาคม 2565 ในการเดินทางออกไปร่วมกันสำรวจเพื่อพัฒนาอารยสถาปัตย์ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั่วประเทศไทยครั้งนี้ คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รับเชิญจากคุณกฤษณะ ละไลย ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ไปอีกแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติชั้นนำของภาคใต้ คือ เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เขื่อนรัชชประภา หรือชื่อเดิมเขื่อนเชี่ยวหลาน สร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำในหมู่เขาที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาสก ซึ่งเป็นป่าดิบฝนโบราณที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งและมีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เพราะเป็นอุทยานขนาด4 แสนไร่ เป็นพื้นที่ทางน้ำถึง2แสนกว่าไร่  การเข้าถึงอุทยานนี้จึงนิยมไปโดยเรือจ้างของชาวบ้านในท้องถิ่นซึ่งจัดลงเรืออยู่ชิดกับเขื่อนรัชชประภา

สำหรับในบริเวณที่ทำการเขื่อนรัชชประภาเอง ผู้บริหารเขื่อนอธิบายว่าเป็นพื้นที่ที่ต้องรองรับนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในทุกเทศกาล จึงมีความตั้งใจพัฒนาอารยสถาปัตย์ให้ครบถ้วนเพื่อก้าวเป็นองค์กรต้นแบบ โดยมีสิ่งที่ได้จัดทำไว้แล้ว เช่น จุดจอดรถเฉพาะสำหรับผู้พิการผู้สูงอายุในทุกลานจอด ติดป้ายบอกทางไปห้องน้ำสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุที่สร้างไว้บริการในโซนต่างๆ  ทำทางลาดจากจุดชมวิวต่างๆเชื่อมต่อถึงกันโดยไม่ต้องอาศัยการยกการอุ้มรถเข็น มีร้านกาแฟริมเขื่อนที่มีทางลาดที่ผู้ใช้รถเข็นสามารถเข็นตัวเองเข้าถึงและไปมาได้ เพราะทำองศาของทางลาดไว้ไม่เกิน 1:12 มีราวจับ มีสันขอบกันล้อตกขอบ มีการเลือกผิววัสดุปูผิวพื้นด้วยสีสว่าง และไม่ลื่นง่าย

ผู้อำนวยการเขื่อนรัชชประภา คุณเชาวลิต วิชิระประเสริฐและทีมวิศวกรสถาปนิคของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมาร่วมต้อนรับนำเดินสำรวจด้วยตนเองพร้อมขอรับข้อสังเกต จากคุณวีระศักดิ์และคุณกฤษณะในขั้นรายละเอียดเพื่อรับไปปรับปรุง เช่น ข้อแนะนำในการปรับให้มีชานพักรถเข็นเมื่อสุดทางลาดที่หน้าประตูห้องสุขา (รถเข็นจะได้ไม่ไหลย้อนหลังเมื่อต้องใช้มือเอื้อมเปิดประตูบานเลื่อน) การปรับความสูงของเคาน์เตอร์ล้างมือเพื่อสามารถสอดเข่าเข้าไปข้างใต้ ซึ่งจะช่วยผู้ใช้วีลแชร์เอื้อมมือไปเปิดปิดคันโยกก๊อกน้ำได้ง่ายขึ้น เป็นต้น

จากนั้นคณะฯไปสำรวจท่าลงเรือของเทศบาลซึ่งเป็นชุดขั้นบันไดซีเมนต์และต่อด้วยขั้นบันไดเหล็ก มีความชัน ยาวทอดลงไปจากขอบลานจอดรถด้านบนจนลงไปถึงแท่นลอยสำหรับเทียบข้างของเรือโดยสาร

ท่านรองประธานองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ดร.ปรเมษฐ์ จินา ซึ่งมาร่วมตรวจพื้นที่จึงขอรับประเด็น เพื่อนำไปเสนอต่อคณะผู้บริหารและสภาจังหวัดสุราษฎร์ธานีเพื่อหาทางออกแบบที่จะเอื้อแก่ผู้มาลงเรือ ซึ่งส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ที่มักมาเยือนกันตลอดปีพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หรือมาพร้อมเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ  ชาวต่างประเทศส่วนมากมาจากนักท่องเที่ยวที่อยู่ในกลุ่มพื้นที่จังหวัดอันดามัน เนื่องจากเดินทางมาด้วยรถยนต์สะดวก ใช้เวลาไม่เกิน2 ชั่วโมงก็มาถึงได้ บ่อยครั้งมีรถเข็นเด็ก รถเข็นผู้สูงอายุ ดังนั้นถ้าสามารถพัฒนาให้ขึ้นลงท่าเทียบเรือได้สะดวกปลอดภัย จะเป็นการยกระดับคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวนี้ได้มาก

เขื่อนรัชชประภาเป็นการกั้นน้ำที่ทำให้เกิดทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ ท่ามกลางทัศนียภาพสวยงามของเกาะหินปูน จำนวนมากที่สลับซับซ้อน  ทำให้ถูกรู้จักว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองไทย ที่นี่เคยติดอันดับ 18 จาก 100 สถานที่งดงามของโลกที่มนุษย์ควรได้ไปสัมผัสครั้งหนึ่งในชีวิต เมื่อปี 2018 จัดทำโดยนิตยสารท่องเที่ยวโด่งดังฉบับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา

ในกิจกรรมลงพื้นที่สำรวจครั้งนี้ยังมี คุณเทอดไทย ขวัญทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสก คุณนันทวัน ศิริโภคพัฒน์ ผอ.ททท. สำนักงานสุราษฎร์ธานี และคุณสมชาย เสมมณี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี คุณณัฐนวรรธ ศักดา นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาร่วมสำรวจพร้อมกับมีตำรวจท่องเที่ยวสุราษฎร์ธานีเข้าร่วมสำรวจพื้นที่ด้วยตลอดทั้งบ่าย