ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org

เว็บไซต์วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org
มีความมุ่งมั่นเเละตั้งใจในการเผยแพร่เรื่องราวความรู้ความเข้าใจในการสร้างสรรค์สังคมด้วย การพัฒนาด้านเศรษฐกิจสังคมกฎหมายและการปกครอง เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนเพื่อลูกหลานรุ่นต่อ ๆ ไป
มองโลก มองความยั่งยืน
จบปริญญาโท กฎหมายสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด อดีตสมาชิกในบ้านพิษณุโลกมาตั้งแต่รัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ มีประสบการณ์พัฒนานโยบายสาธารณะมาต่อเนื่อง เป็นนักกฎหมายที่เชื่อมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืน
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
ผู้ที่มีความมุ่งมั่นเเละมีอุดมการณ์ในการสร้างสรรค์สังคมที่มีความเท่าเทียม การพัฒนาประเทศไทยให้มีความทันสมัย เจริญเติบโตควบคู่ไปกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อลูกหลานรุ่นต่อ ๆ ไป

กรมวิชาการเกษตร จัดระดมความเห็นเพื่อวางแนวทางปรับปรุงกฏหมายพันธุ์พืช

12 กันยายน 2567 ที่ห้องประชุมโรงแรมมารวยการ์เด้น นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตกรรมการพัฒนากฏหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกา บรรยายประเด็น "โลกร้อนกับความมั่นคงทางการเกษตรและพันธุ์พืชที่ควรพัฒนาปรับปรุง" โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาระดมความเห็นที่มาจากหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคเกษตรกร เข้าร่วมในกิจกรรมกว่า 80 คน

โดย นายวีระศักดิ์ ได้ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่ได้ส่งผลต่อระบบนิเวศ การเพิ่มอุณหภูมิ ความชื้นในบรรยากาศ การเผชิญภาวะ"เหวี่ยง"ของแนวฝน ที่นำมาทั้งความแห้งแล้ง ฝนทิ้งช่วง และความถี่ของอุทกภัย การรุกรานของน้ำเค็มใต้แม่น้ำในฤดูแล้ง ที่เกษตรกรยังต้องสูบน้ำจากระบบแม่น้ำลำคลองที่มีความเค็มออกไปรดในเรือกสวนไร่นา ซึ่งเคยเป็นนิเวศน้ำจืดบ้าง น้ำกร่อยบ้าง ว่ากฏหมายเกี่ยวกับพันธุ์พืชท้งในส่วนการขึ้นทะเบียนพันธุ์ การปรับปรุงพันธุ์ การสืบค้นสายพันธุ์ท้องถิ่น การผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อค้นหาพันธึพืชที่จะต้องเพิ่มความสามารถในการทนแล้ง ทนร้อน ทนเค็ม ทนชื้น หรือทนต่อโรคพืชและแมลงเพิ่มขึ้นจะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ การคุ้มครองพันธุ์ การตรวจสอบความบริสุทธิ์ของสายพันธุ์ การคัดกรองการปนเปื้อน และการมีบริการยืนยันมาตรฐานรับรองอัตตราการงอกของเมล็ดพันธุ์ โดยมีกฏกติกาของรัฐที่เข้าใจง่าย ยื่นเรื่องขอการีบรองได้สะดวก ใช้เวลาพิจาณาที่เร็ว และมีระบบอิเลคทรอนิคส์สนับสนุน มีมาตรฐานสากล จะเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง 

ผลการสัมมนานี้จะถูกนำไปประมวลโดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อรวบรวมไว้ใช้เป็นฐานการพัฒนากฏหมายและระเบียบเพื่อให้ยิ่งเหมาะสมต่อความเปลี่ยนแปลงต่มแผนปฏิบัติต่อไป