ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org

เว็บไซต์วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ www.weerasak.org
มีความมุ่งมั่นเเละตั้งใจในการเผยแพร่เรื่องราวความรู้ความเข้าใจในการสร้างสรรค์สังคมด้วย การพัฒนาด้านเศรษฐกิจสังคมกฎหมายและการปกครอง เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนเพื่อลูกหลานรุ่นต่อ ๆ ไป
มองโลก มองความยั่งยืน
จบปริญญาโท กฎหมายสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด อดีตสมาชิกในบ้านพิษณุโลกมาตั้งแต่รัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ มีประสบการณ์พัฒนานโยบายสาธารณะมาต่อเนื่อง เป็นนักกฎหมายที่เชื่อมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืน
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
ผู้ที่มีความมุ่งมั่นเเละมีอุดมการณ์ในการสร้างสรรค์สังคมที่มีความเท่าเทียม การพัฒนาประเทศไทยให้มีความทันสมัย เจริญเติบโตควบคู่ไปกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อลูกหลานรุ่นต่อ ๆ ไป

Rhythm of life วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ 2/3 ช่วงเวลาในตำแหน่งรัฐมนตรี

 

 

ไฮคลาส : ซึ่งเมื่ออยู่เบื้องหลังไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่าได้มีโอกาสทำงานวิชาการในฐานะอาจารย์น้อยกว่าการนำวิชาการมาเป็นข้อเสนอ เป็นนโยบายให้กับรัฐบาล กับรัฐมนตรี กระทั่งคุณได้รับการผลักดันให้ก้าวสู่ตำแหน่งที่คุณเคยอยู่เบื้องหลัง ใครเป็นผู้บอกกับคุณว่า “ครั้งนี้คุณจะต้องเป็นรัฐมนตรี”

หัวหน้า ท่านบรรหาร บอก “จะให้เป็นรัฐมนตรีนะ ถึงคิวคุณแล้ว...” ว่างั้นเถอะ ผมบอกว่าไม่เป็นก็ได้นะ ท่านบอก “ไม่ได้ ระบบมันมี คุณต้องเป็น ไม่อย่างนั้นอีกหน่อยคนทำงานให้กับพรรคเขาจะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะโต” ก็ต้องมีตัวอย่าง ท่านก็มีระบบสัดส่วนว่าสำหรับนักการเมืองที่ไปลงเลือกตั้ง คนที่มาช่วยงานพรรค และประเภทต่างๆ เขามีสัดส่วน คุณคือสัดส่วนนี้ คุณไปเป็นซะแล้วไปทำให้ดี ก็ไป แต่ไม่รู้ว่าไปเป็นอะไร รู้แค่ว่าเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอะไรก็ไม่รู้ จนกระทั่งเหลืออีกสักประมาณ 3-4 วันท่านถึงได้บอกว่า “เป็นรัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ นะ” ก็ต้องรีบทำการบ้าน ไปขนเอารายงานกรรมาธิการ รายงานผลการดำเนินงานขององค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับท่องเที่ยว และกระทรวง รวมถึงด้านกีฬา มาอ่านให้หมด โทรศัพท์ถามผู้รู้ อ่านแหลกลาญจากคนไม่เคยใส่แว่นเลยตลอดชีวิตกลายเป็นคนที่ต้องการใส่แว่นในพริบตาเดียวเลย

ไฮคลาส : ซึ่งเราก็ได้เห็นผลสัมฤทธิ์จากการทำงานหนักของคุณและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องแม้จะเกิดวิกฤตหลายระลอก จนกระทั่งถึงคำวินิจฉัยตัดสินยุบพรรค ถือว่านี่คือจุดพลิกผันในชีวิตของคุณเลยไหม

ผมลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคตั้งแต่มาเป็นรัฐมนตรีแล้ว เพราะว่าการเป็นรัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬานั้นต้องไปเป็นประธานบอร์ดการกีฬาแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ กฎหมายรัฐวิสาหกิจที่ปรับปรุงแก้ไขใหม่ห้ามมิให้ผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองมาเป็น ฉะนั้นผมก็ต้องสละอันใดอันหนึ่ง โดยไม่ต้องไปคิดมากก็เอาเลย ทำงานก่อน

ในวันที่พ้นฯ พอพ้นฯ ปั๊บผมก็คืนรถนำ คือทุกอย่างแต่ยังนั่งรถไปที่ไบเทคเพราะวันนั้นจะเป็นวันที่เปิดทำการเป็นวันแรก ไปให้กำลังใจเขา ให้เขารู้ว่าเราสร้างมาด้วยกันนะ บัดนี้ต้องส่งไม้ต่อให้พวกท่านทำงานต่อแล้วนะ แล้วก็ลากลับออกมา เป็นการปิดภารกิจในด้านความเป็นรัฐมนตรีเรียบร้อย ก็กะว่าเอาละเตรียมกลับไปสอนหนังสือต่อ อ้าว...พออ่านกฎหมายต่ออีกนิดจึงรู้ว่าพรรคที่ถูกยุบต้องทำการชำระบัญชีให้เสร็จภายใน 30 วัน เอาล่ะสิ ชำระบัญชีขององค์กร 34 ปี เก่ากว่าธนาคาร มีสาขาทั่วประเทศ ต้องปิดบัญชีให้เสร็จภายใน 30 วัน ส่งงบการเงิน ไม่มีใครมีเวลาไปทำหรอก ผมก็ไปทำๆๆๆ ตลอด 30 วันนั้นจนกระทั่งเสร็จส่งให้ท่านบรรหารสามารถส่งงบการเงินให้กกต.ได้ทัน

พอเสร็จแล้วทีนี้ก็กะว่าเดี๋ยวจะไปสอนหนังสือจริงๆ แล้วล่ะ ลูกเมียเขาก็บอกว่า “นี่เธอเป็นรัฐมนตรีท่องเที่ยวยังไม่เคยพาพวกฉันเที่ยวเลย” เออๆ ไปๆ ไปวันที่ 4 มกราคม วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ผู้คนก็กำลังกลับเข้าเมืองมาหลังจากวันหยุดยาว เราไม่รู้จะไปไหนขับไปบึงฉวากที่สุพรรณ ใกล้ดี นอนรีสอร์ท 1 คืน กลับเข้ามา ขับรถยังไม่ถึงบ้าน ปลัดฯ โทรมาบอกว่า “อาจารย์ชุมพล ลงนามตั้งท่านเป็นประธานบอร์ดท่องเที่ยวนะ” ผมถามว่าได้เหรอ หูตาเหลือกเข้าบ้านยังไม่กล้ายกกระเป๋าลงจากท้ายรถเลย วิ่งขึ้นไปกดคอมพิวเตอร์ค้นกฎหมายอ่านก่อน กลัวจะติดตะราง ก็อ่านจึงเข้าใจล่ะ ...

เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เพียงแต่ทำให้เราไม่สามารถไปลงสมัครอะไรทั้งสิ้นในการเลือกตั้งไม่ว่าเลือกตั้งท้องถิ่นหรือเลือกตั้งระดับชาติ ทำให้เราไม่สามารถไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ทำให้เราไม่สามารถไปก่อตั้งหรือมีส่วนร่วมในการก่อตั้งพรรคการเมือง ใครขืนคิดจะก่อตั้งพรรคการเมืองกับผมในตอนนี้ติดคุกนะ! (ทำหน้าทะเล้น) ห้ามเราไปหย่อนบัตรเลือกใครแม้ว่าจะชอบเขาเหลือเกินก็ตามเขาห้ามแค่นี้

มาต่อที่ตำแหน่งกรรมการในองค์กรอิสระ ดูจากพระราชบัญญัติฯ อย่าง กกต. ปปช. สตช. คตง. ฯ อันนั้นเขาเขียนว่าต้องไม่เป็นผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

ไฮคลาส : ถามแบบดารา อยากทราบความรู้สึกตอนนั้น

ไม่ได้คิดว่าผมอยากจะโต และมีอาชีพทางการเมืองอยู่แล้วตั้งแต่ต้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าบทจบมันอยู่ตอนไหน... อ๋อ มันมาถึงพอดี นี่แหละทำให้ไม่ได้ติดใจกับมัน เพียงแต่เห็นใจผู้คนที่เขาอยู่ในอาชีพนี้ อยู่ดีๆ วันนี้เขาหยุดแล้วเขาก็ไม่ได้เตรียมตัว

ผมเป็นนักข้อมูลก็เลยเห็นว่ามันมีโอกาสได้สองทาง เพราะในกรณีของเรามันยังไม่มีโอกาสได้รับฟังในศาลเลย ศาลยังไม่ได้รับฟังข้อเท็จจริงด้วยซ้ำไป การสืบนั้นจะทำให้รู้ว่าจะมีความแตกต่างจากคดีอื่นๆ อย่างไร แต่นี่พิพากษาก่อนที่จะได้รับฟัง เอาล่ะเสียงวิจารณ์เรื่องนี้มันดังมากพออยู่แล้วก็ปล่อยไป และผมก็ไม่มีความปรารถนาที่จะไปยุ่งกับเรื่องนี้อีก

แต่เอาเป็นว่าพอเช็คกฎหมายว่าผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งโดนแค่นี้ เอ้ามาเช็คใหม่ว่าตำแหน่งประธานบอร์ดททท.เป็นตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ ถ้าจะบอกว่าเฮ้ย...เพราะว่าครม.ตั้งหรือว่ารัฐมนตรีตั้ง นักการเมืองเป็นคนตั้งคุณ คุณต้องถือว่าเป็นตำแหน่งทางการเมือง อ้าวถ้าเช่นนั้นปลัดกระทรวงก็เป็นเหมือนกันนะครับ ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ต้องไปผ่านครม.นะครับ อธิบดีตำรวจก็เช่นกัน อย่างนั้นไม่ใช่หรอก ต้องไปอ่านกฎหมายใหม่พบว่า พระราชบัญญัติปปช.เขียนเอาไว้ชัดเจน ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คนที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อปปช.มีอยู่ 2 พวก คือ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กับผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงของรัฐ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมี 9 อย่าง เราไม่อยู่ใน 9 อย่างนี้ จบ!

กรรมการรัฐวิสาหกิจทั้งหมดอยู่ในผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินเหมือนกัน แต่ชัดเจนว่าคำนิยามของกฎหมายเขียนแล้วว่า เธอไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สิ่งที่เธอเป็นไม่ใช่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และที่สำคัญต่อให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเธอก็ไม่ได้ถูกห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง เธอถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเฉยๆ

คนมักจะไปเข้าใจสับสนเพราะเคยเห็นนักการเมืองอื่นๆ อย่างนั้นจึงต้องไปดูด้วยว่าเขาถูกเพิกถอนสิทธิและต้องห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพราะเขาไปกระทำฝ่าฝืนกฎหมายปปช.หรือเปล่า ถ้าเขาไปฝ่าฝืนกฎหมายปปช.มันมีบทของมันกำหนดว่า ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง! แต่ในกรณีโดนในเรื่องยุบพรรคตามกฎหมายพรรคการเมืองเขาไม่เคยยุ่งในเรื่องตำแหน่งทางการเมือง เขาบอกแค่ห้ามยุ่งกับพรรคการเมือง ห้ามลงเลือกตั้ง ห้ามหย่อนบัตรลงคะแนน แต่เอาเถอะ บัดนี้มีผู้ยื่นแล้ว ว่าสงสัยเหลือเกินว่ามันเกิดอะไรขึ้นแน่ ดีแล้ว จะได้ไม่ใช่ผมอธิบาย ผู้มีอำนาจในการวินิจฉัยได้อธิบายซะ และเชื่อว่าในการยื่นของเขาในการถามเรื่องนี้เขาไม่ได้ถามเพื่อจะมาไล่ฆ่าผม เขาถามเพราเขาอยากจะได้บรรทัดฐาน เพราะว่ามีคนอื่นๆ อีกโขยงหนึ่งที่อยู่ในสถานะเดียวกับเราแล้วเขาไม่รู้ว่าจะให้ไปทางไหนได้บ้าง ก้มีเรานี่แหละโผล่ทะลุกลางปล้องขึ้นมาในตำแหน่งนี้คนแรก แต่ถามว่าเป็นอาชีพรึเปล่าล่ะ มันไม่ใช่ เป็นตำแหน่ง ตำแหน่งนี้มันมีค่าตอบแทน 9,500 บาทต่อเดือน

ไฮคลาส : เมื่อเทียบกับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะดูจากการออกสื่อและการทำงานในองค์กรไม่น้อยไปกว่ารัฐมนตรี
รัฐมนตรีเงินเดือน 1 แสนกว่า ไอ้เรื่องมากกว่าหรือไม่นั้นเอาไว้อีกเรื่อง การทำงานแล้วผมถึงบอกว่ามันไม่ต้องอาศัยอำนาจ แต่ผมบอกว่ามันอาศัยความเชื่อมั่น อาศัยการทำงานเครือข่าย ผมไม่ได้ทำงานแข่งกับใคร ผมกำลังทำงานแข่งกับเวลา

ไฮคลาส : ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐมนตรีหนุนหลังอยู่ใช่มั้ย
(ยิ้ม) แน่นอน

ไฮคลาส : ถ้าเช่นนั้นตำแหน่งผู้ว่าททท.ที่จะครบวาระ คุณก็สามารถเสนอตัวให้พิจารณาได้
ถ้าจะไปก็ให้เขาสรรหา แต่ว่าผมไม่ไปหรอก (หัวเราะร่า) เพราะว่าไม่ใช่ความถนัดและวิชาชีพของผม ผมเรียนมาเพราะผมจะมาเป็นอาจารย์ เพราะผมจะไปเป็น Trade Negotiator คงไม่ใช่มาเป็นผู้บริหารรัฐวิสาหกิจมั้ง แม้ว่าเงินเดือนมันจะสูงสักหน่อยก็ตามนะ แต่มันไม่ใช่ทางของผม ถ้าไปที่อื่นล่ะก็อาจจะน่าสนใจ แต่ถ้าคุณเป็นรัฐมนตรีแล้วโดดมาเป็นผู้บริหารส่วนนี้ คนเขาก็อาจจะมองว่าคุณสร้างฐานเอาไว้หรือเปล่า

ไฮคลาส : ฉะนั้นตอนนี้คุณทำอาชีพอะไร
ไม่มี! ค่าตอบแทนที่ได้รับตามตำแหน่งประธานกรรมการการท่องเที่ยวฯ 9,500 

ไฮคลาส : เช่นนี้คุณก็อาจได้เช็คช่วยชาติ 2,000 บาทจากรัฐด้วยล่ะสิ สำหรับผู้มีรายได้ไม่ถึง 15,000 บาท ต่อเดือน
เออ...ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองมีสิทธิในเรื่องนี้หรือเปล่า ผมกำลังชดใช้หนี้ให้กับวงการฯ วงการฯ เขาก็ได้ให้ความเมตตาอะลุ้มอะหล่วยทำงานกับผมมาอย่างดีด้วยความร่วมมือน่ารักมาก บัดนี้เป็นภาวะที่บ้านเมืองมีปัญหา เศรษฐกิจโลกก็กำลังมีปัญหา และเราเชื่อว่าประมาณเข้าไตรมาสที่สามนักท่องเที่ยวจึงจะเริ่มกลับมาเข้าสู่ภาวะใกล้ปกติ ฉะนั้นผมก็ชดใช้หนี้ให้เขาก่อน เพราะตอนที่ปิดสนามบินนักท่องเที่ยวเป็น 0 จาก 14 ล้านคนต่อปี 37,000 คนต่อวัน มันหยุดทันที แต่ว่าอย่างไรก็ตามตัวเลขที่สุวรรณภูมิ จากตม. (ตรวจคนเข้าเมือง) กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วและเป็นตัวเลขที่นิ่งแล้ว แต่กลุ่มนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไป จากที่เคยเห็นนักท่องเที่ยวผมทองแต่ตอนนี้บางตาลงทางกลับกันเราจะเห็นนักท่องเที่ยวผมดำหนาตาขึ้น 

เอเชียเป็นทวีปใหญ่นะ วันนี้เอเชียมีเคราปรากฏตัวขึ้นก่อน อินเดีย เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง โอชีเนีย-ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ยังแฮปปี้กับเรามา เพราะว่าบินระยะทางไกลไปที่อื่นไม่ไหวแล้ว มาแค่นี้ก็สนุกดีแล้ว เอเชียแบบไม่มีหนวดคือ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ยังตกใจอยู่ เดือนธันวาคม เดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ ยังตกใจจากการปิดสนามบิน เดือนมีนาคมเป็นต้นมาค่อยๆ หายตกใจแล้วเพราะเราไปทำตลาด ไปโรดโชว์ ไปอธิบายความ ผมไปยืนโค้งคำนับ 90 องศาอยู่ที่ญี่ปุ่นแช่ไว้อยู่ตรงนั้นให้เข้าใจวัฒนธรรมเขา ให้รู้ว่าเราจริงใจนะ ผิดถูกอีกเรื่องหนึ่งแต่ว่าขอโทษก่อน
เขาค่อนข้างจะดีขึ้นแล้วแต่ตอนนี้เขาตกใจเงินในกระเป๋า เพราะขาเขาถูกผู้กไว้กับอเมริกา อเมริการ่วงลงไปหัวยังไม่กระแทกพื้น แต่ยังร่วงลงไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกระแทก ใครที่ผูกขาเศรษฐกิจไว้กับอเมริกา จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรป พวกนี้ถูกลากลงไปจากโต๊ะหมด ตอนนี้พวกนี้กำลังตกใจตัวเองอย่างกันหนักเพราะฉะนั้นก็ต้องเข้าใจว่าการฟื้นคืนกลับมาของตลาดนี้รอให้เขากระแทกพื้นแล้วเราจะทำการตลาดที่ชัดเจนกับเขาได้ดีขึ้น 

ตอนนี้ก็ต้องทำการตลาดระหว่างขาตกของเขาไปก่อน ถ้าขากระแทกพื้นเราจะรู้ทันทีว่าตกแล้วอะไรแตก อะไรไม่แตก อะไรไม่แตกเรากระโดดเข้าไปแล้วทำ Mass Communications กับเขา โฆษณากับเขาเดี๋ยวก็กลับมาเอง พวกที่แตกเราไปหยิบดู ชิ้นไหนที่เป็นชิ้น ชิ้นไหนที่ไม่เป็นชิ้น แบบไม่เป็นชิ้นต้องปล่อยไปแล้ว แล้วพาเขากลับมา ปีนี้เราก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่เชื่อว่าเราจะได้นักท่องเที่ยว 14 ล้านคนอยู่นะครับ 
กลับมาตอบคำถามว่าแล้วผมไม่มีอาชีพจะอยู่อย่างไร ก็นั่นน่ะสิ ลูกเมียของผมก็ถามผมอย่างนั้นเหมือนกัน

ไฮคลาส : ทางด้านภรรยาของคุณ
เขาเป็นแม่ฟูลไทม์ เพราะเขาอยากจะเป็นแม่ แต่งงานมา 8 ปี อั้นตลอดเพราะผมทำงานเก็บเงินอยู่ เพราว่ายังไม่พร้อมๆๆ จนกระทั่งมาถึงปีที่ 9 ของการแต่งงาน เขาบอกว่านาฬิการังไข่ของเขามันจะจบแล้วนะ จะมีหรือจะไม่มีมันก็ตรงนี้ล่ะนะ โอเค มี! ลูกผม 6 ขวบในตอนนี้ ผมยังต้องเลี้ยงอีกนานนะ (หัวเราะ) ผมเป็นคนเศรษฐกิจพอเพียง ผมไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมากหรอก แต่ว่า 9,500 ผมอยู่คงลำบากหรอก แต่ก็พยายามทำไปนะ


ไฮคลาส : เป็นประธานบอร์ด ททท. วาระหนึ่งนานแค่ไหน
วาระละ 2 ปี คงไม่ไหวล่ะครับ (หัวเราะ) จริงๆ แล้วภารกิจของประธานบอร์ด เขาประชุมเดือนละครั้งไปนั่งเป็นประธานการประชุม ให้เบี้ยประชุม 1 ครั้ง 10,000 แต่หักภาษีเหลือ 9,500 เขาไม่ได้คาดหวังให้ผมมาทำหน้าที่นี้ เขาคาดหวังว่าเมื่อเธอเป็นรัฐมนตรีสร้างอะไรไว้เยอะเลย มาสานต่อซะเร็วๆ เข้า ไปทำให้นักท่องเที่ยวที่นั่งไขว่ห้างอยู่สุวรรณภูมิปีละ 3 ล้านคนนะเป็น Transfer Passenger รอเครื่องแล้วออกไป อยู่เมืองไทยแต่ไม่ได้มีสิทธิเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ไปเปิดทางให้เขาเข้ามาซะ ไปทำเรื่องของตม. (ตรวจคนเข้าเมือง) นั่งอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิสิ่งแรกคืออัตราไม่พอ
ถัดมาคือที่นั่งเขาโดนแสงทะลุ เขาใช้ร่มชายหาดกางอยู เราไปออกแบบแล้วสร้างเป็นกลด ขายความเป็นพุทธ มีดอกบัวเป็นก้านขึ้นไป ทำเพิ่งเสร็จ ล่าสุดผมไปติดไฟในแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อทำให้ Night Life in Bangkok มีความหมายใหม่ ไม่อย่างนั้นพระอาทิตย์ตกดินแล้วกินข้าวเสร็จแล้วจะต้องกลับโรงแรมท่าเดียว หรือไม่ก็ไป Red District
มีเรื่องอื่นให้ทำโปรโมทเช่นงานศิลป์แผ่นดินของศูนย์ศิลปาชีพฯ เปิดถึง 3 ทุ่ม ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม นี่เราก็ต้องทำ 

การไปช่วยให้กำลังใจกับผู้ประกอบการในภูมิภาคเพราะแต่ละภูมิภาคในประเทศไทยมีจุดแข็งจุดอ่อนไม่เหมือนกัน ตลาดเขาก็ไม่เหมือนกัน ทำให้เขาเข้าสู่ Niche Market ได้ ทำให้เขารู้ว่ากำลังใจยังอยู่นะ Samui the Queen Island ยังทำต่อเพราะไม่เช่นนั้นสมุยจะสลาย เราไปทำเรื่องปายเพื่อไม่ให้ปายก้าวสู่จุดแตกหัก ภูเก็ตกำลังฟื้นพยายามจะฟื้นตัวเองขึ้นมา กระบี่กำลังอยากจะป้องกันไม่ให้ตนเองก้าวไปสู่จุดที่พัฒนาเกินเหตุ ของพวกนี้เป็นของทีเราต้องไปให้กำลังใจ พัทยาไม่ต้องไปเน้นมาก เอาล่ะนอกจากส่งดนตรี กีฬาเข้าไป เพราะเขาชัดเจนแล้วว่าจะเปลี่ยนตัวเองจาก Sea Sun Sand and Sex เป็น Sea Sun Sand and Sport ดีมาก...ทำต่อไป อีสานเป็นปีที่จะต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องเพราะไม่อย่างนั้นแล้วที่นั่นไม่ใช่ Destination Base เพราะเป็น Activity Base และพัฒนาให้คนไทยเป็น Activity Base Tourism เพราะคนไทย...อย่างดอกกระเจียวบานที่ชัยภูมิก็แห่กับไปทุกชาติทุกภาษาทุกเพศวัยไปถึงก็รถติด ถ่ายรูปกับดอกกระเจียวเสร็จไม่รู้จะทำอะไร และก็จะเป็นภาวะการณ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วไปทั้งหมดนั้นระบบสาธารณูปโภคของแต่ละพื้นที่รับไม่ไหวหรอก เมื่อปีหนึ่งขายได้ครั้งเดียวแล้วก็เลิก ผมว่าไม่หรอก ต้องทำ Activity Base แล้วคนไทยก็จะได้รู้ว่า Activity มีตลอดทั้งปีที่ไหนบ้างก็ไปได้เรื่อยๆ

ไฮคลาส : นี่คือความจำเป็นเร่งด่วนที่ททท.ต้องเร่งดำเนินการ
 มี 4 ตลาด คือ เริ่มจาก
1) ตลาดไทยเที่ยวไทย พัฒนาคุณภาพการบริการได้ง่ายที่สุด เพราะอย่างน้อยพูดกันด้วยภาษาไทย ไม่ต้องเทรนภาษาใหม่ แต่มี Service Mind ที่ละเอียด เนียนขึ้น เพราะเป็น Activity Base ไม่ใช่แค่ Destination Base ถ้าหากเป็น Destination Base คนเข้ามาในพิพิธภัณฑ์นี้อีก 4 หมื่นคน ใน 3 ชั่วโมง คุณเก่งอย่างไรก็บริหารไม่ได้ คุณต้องทำให้กระจายคนเข้าอยู่เรื่อยๆ เป็น Activity Base นั่นคือตลาดไทย ตลาดที่สองก็คือ
2) ตลาดนักท่องเที่ยวดั้งเดิมของเรา เที่ยวแล้ว 30 ปีและชอบมาทุกปี พวกนี้ไม่ต้องโฆษณากับเขามาก เพียงแต่ทำให้เขารู้ว่าเรายังอยู่ และเราเป็น Value for Money เขาจะกลับมา แต่ให้เขากลับมาแล้วเป็น Niche มากขึ้น Activity อีกแล้วเห็นไหม แต่พวกนี้เขามองว่า Thailand เป็น Best Destination Base แต่ให้เขากลับมาแล้ว + Activity เขาจะได้หยิบเงินในกระเป๋าออกมาได้สะดวกใจขึ้น ถัดมาคือ
3) ตลาดประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ พวกที่เป็นคอมมิวนิสต์เก่าแล้วเลิกแล้ว หรือสังคมนิยมเก่าและเลิกแล้ว เริ่มจากอินเดีย รัสเซีย ยูเครน ตะวันออกกลาง จีน อุซเบกิสถาน พวกนี้เที่ยวทีหนึ่งเหมือนฝูงนก เขามาเที่ยวแล้วก็บอกต่อปากต่อปาก เรือ่งดีก็ไปเล่า เรื่องเลวก็ไปเล่า เพราะฉะนั้นพยายามดูแลคุณภาพกลุ่มนี้ให้เจอเรื่องดีๆ ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ อย่าให้เขาตกใจแล้วหนีไปทั้งกอง พวกนี้เป็นพวกรวยใหม่จะแยกแยะไม่ชัดเท่ากับกลุ่มที่สอง ขณะที่กลุ่มที่สองเขาแยกแยะได้
4) อาเซียน 570 ล้านคนเพิ่งมาเที่ยวประเทศไทยปีหนึ่งไม่ถึง 3 ล้านคน มีพื้นที่โตได้อีกมากแต่เราไม่รู้จักภาษาของเขาเลย เวียดนามเราก็ไม่พูดกับเขา บาฮาซา (มาเลย์-อินโด) เราก็ไม่พูดทั้งที่ใช้สื่อสารกันตั้ง 250 ล้านคนในแถบนี้ เราจะพูดแต่ภาษาอังกฤษเรอะ เขาไม่พูดภาษาอังกฤษด้วย แล้วพวกนี้เขาบิน Low Cost แต่ใช้จ่ายสูง ช้อปปิ้งเก่ง เดินทางทางบกก็ได้ จีนเดินทางเข้ามาต่อไปนี้เราจะส่งเสริมเส้นทาง R3A (ไทย-ลาว-จีน), R3B(ไทย-พม่า-จีน) ขับรถเข้ามา ผมไปสำรวจมาแล้วสบายมาก ผมไปรับมาเขานั่งเล็กซัสมารายได้ดี จีนตอนใต้อีกมีเป็นร้อยล้านคน ทำตลาดกับกลุ่มนี้เถอะ มาทำป้ายภาษาจีนกันดีกว่า ทำป้ายภาษาอาหรับในฤดูฝนตกเพราะไม่มีใครมามีแต่พวกตะวันออกกลางเขาหนีร้อนมาเจอฝนบ้านเราเขาขอบใจ มาทำป้ายภาษาบาฮาซาในพื้นที่ที่หันป้ายเข้าหาประเทศมาเลเซียเพราะเขาขับรถเข้ามาแล้วรู้สึกว่าเขามีตัวตน เรามาทำแผนที่ฮาลาลไม่ใช่เรื่องอาหารแต่มันยังมีเรื่องอื่นๆ ด้วย ทำให้เรา Diversify ตลาด บริหารความเสี่ยง แล้วทำให้เราได้ทั้งตลดาไทย ตลาดผมทอง ตลาดผมดำรวยใหม่ และตลาดอาเซียน Short Hall Long Hall Medium Hall ภายในประเทศ น้ำมันจะขึ้นจะลงยังไงเราก็มีลูกค้า คึกคักแน่นอน ทำให้มันเป็นอย่างนี้ และนั่นคือที่มาว่าผมถึงต้องพยายามสานต่อไอ้สิ่งที่ผมพูดอยู่นี่แหละ

ไฮคลาส : แต่มันก็ต้องเกิดจากปัจจัยหลายๆ อย่างรวมกัน
ร้อยแปดฯ ความร่วมมือและการพยายามที่จะให้กำลังใจปีนี้ต้องทำให้คน ‘อย่าโยนผ้า’ เพราะถ้าคุณโยนผ้าจะมีคนอื่นโยนผ้าตาม ต้องให้กำลังใจเขา กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็คือว่า ก็จะพยายาม จะด้วยค่าตอบแทนอะไรก็ช่างเถอะ พยายามทำใช้หนี้นี้ให้มากที่สุดนานที่สุดเท่าที่ผมสามารถตอบคำถาม ตอบความมั่นคงของครอบครัวผมได้ และผมก็จะได้ไปตามทางของผม

ไฮคลาส : วันนี้ในวัย 43 ปี หากมองย้อนกลับไปนอกเหนือจากบทบาทการเมือง วิสัยทัศน์การมองโลกเปลี่ยนไปไหม เป็นรัฐมนตรีแล้วมันเปลี่ยนอะไรในชีวิตไปบ้าง
ผมโชคดีก็คือ ผมมีทั้งคนที่อายุเท่าๆ กัน ผู้ใหญ่มากกว่า พูดจาแล้วเราจับคำสอนของเขาไว้ รูมเมทของผมเป็นญาติที่โตมาด้วยกันสมัยเรียนมัธยม ตอนนี้เขาเป็นผู้จัดการไทยอินเตอร์ฯ อยู่ที่ญี่ปุ่น เขาเคยพูดว่า “เวลาธงขึ้นอยู่ในที่สูงต้องเป็นธงผืนเล็ก ธงผืนใหญ่มันโดนลมแรงสะบัดแล้วจะขาด” ความนอบน้อมถ่อมตัวซึ่งปกติมีอยู่แล้วก็ยิ่งสำรวมให้มากขึ้น         
 
อาจารย์สุรเกียรติเป็นผู้บังคับบัญชาคนแรกในการทำงานของผม สอนว่า “วันที่ก้าวขึ้นให้นึกถึงวันที่ก้าวลง”
 
ท่านบรรหาร รวยแทบตาย แต่เป็นคนที่ไม่ฟุ่มเฟือยเลย แล้วก็ขยันเสมอต้นเสมอปลาย เป็นความเสมอต้นเสมอปลายอย่างหนัก ทำให้เรารู้ว่าชีวิตอย่าเปลี่ยนนะ อย่าได้เปลี่ยนตัวเองจากสิ่งรอบข้าง จงพยายามรักษาตัวเองเอาไว้ เพราะฉะนั้นทัศนคติมุมมองต่อโลก ความรู้มันมากขึ้น ความสามรถในการเชื่อมต่ออะไรมันมากขึ้นหรอกครับเมื่อเป็นรัฐมนตรี เพราะคุณได้ไปอยู่ในที่ที่มันต่างจากที่คุณเคยอยู่ แล้วคุณได้มองๆๆ เหมือนกับขึ้นไปบนตึก 15 ชั้นแล้วมองมันก็จะเชื่อมซอยต่างๆ ด้วยสายตาได้เร็วขึ้น แต่ต้องไม่เปลี่ยนรสนิยม 

ไฮคลาส : ทุกครั้งที่ทำงานใช้อะไรเป็นหลักคิดในการแก้ไขปัญหาที่เข้ามาสู่ตัวเรา
การได้บวชแล้วบอกว่าคุณต้องขยันแต่จิตคุณต้องอยู่กับที่ มันช่วยคุณได้ในท่อนที่หนึ่งก่อน ผมได้ทบทวนตัวเอง เวลานั่งรถแล้วไม่มีใครโทรศัพท์เข้ามาแต่ปกติต้องโทรศัพท์ตลอดเวลาอยู่แล้วนะ ก็ใช้เวลาว่างเท่าที่เหลือจะมีกี่นาทีก็ตามในแต่ละวันใช้คุณภาพนั้นบอกกับตัวเองว่า “ธรรมะที่บอกให้อยู่นิ่งๆ ใจนิ่งๆ แต่ขาน่ะก้าวเดินไปให้มีให้มาก” คือ ครองสติ ถัดมาคือครอบครัวครับ กำลังใจทั้งหมดคือกลับไปบ้านแล้วเห็นคนยิ้ม เห็นกำลังใจ คุณเหนื่อยแค่ไหนนอนแล้วก็จะหายเหนื่อย แล้วรุ่งขึ้นตีห้าออกมาใหม่ กลับบ้านห้าทุ่มออกตีห้า กลับไปแล้วไม่ได้เห็นเขายิ้มหรอกเพราะเขาหลับหมดแล้ว (ยิ้ม) แต่เวลาโทรคุยกันหรืออะไรต่างๆ นั้นเรารู้ว่าว่ารอยยิ้มเขายังอยู่ จริงๆ เขาก็คงจะต้องทนทุกข์ทรมานเหมือนกันแหละไม่เจอหน้าเราเอาซะเลย เทศกาลหยุดของชาวบ้านนั่นคือเทศกาลทำงานหนักที่พวกท่องเที่ยวต้องทำ ก็ดีเหมือนกันนะเป็น 10 เดือน ขืนเป็นนานกว่านี้ผมก็คงไม่รู้จะเป็นอย่างไรเหมือนกัน สุขภาพก็ย่อมจะต้องมีปัญหา ฉะนั้นในมุมหนึ่งในวันที่วินิจฉัยซะ ผมก็โล่งใจเพราะผมรู้ว่าวันหนึ่งมันต้องจบ แต่ผมไม่รู้มันจะจบเมื่อไหร่และจบอย่างไร เอ้ามันจบอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน 


อ่านทั้งหมด

Rhythm of life วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ 1/3 ก่อนเป็นรัฐมนตรี

Rhythm of life วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ 2/3 ช่วงเวลาในตำแหน่งรัฐมนตรี

Rhythm of life วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ 3/3 ช่วง 5 ปีที่ถูกตัดสิทธิ์

ที่มา

https://www.facebook.com/Weerasak-Kowsurat

http://www.hiclasssociety.com/hiclass/detailcontent.php?sub_id=1199&fbclid=IwAR2r5DdFhnfMRa8sRLP9tZG-4Qm8zOgCJHStBKf3nmvxDNWQ4lP_zfxhTJQ

 ---------------------------------------------